ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมา
         มูลนิธิ อาสาอนามัยชนบท ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ Rural Area Medical Aid Foundation Under Royal Patronage ใช้ตัวย่อว่า RAMA Foundation ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2522 โดย นาย เอ. ที. ฮาซันนาลี นักธุรกิจชาวอินเดียที่เดินทางเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย พร้อมกับใจที่อยากจะอุทิศตนให้เป็นประโยชน์เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินที่ตนได้เข้ามาลงหลักปักฐาน เขาจึงเริ่มต้นจากการนำพาตัวเองไปเป็นสมาชิกสโมสรไลอ้อนส์ (Lions Clubs) ได้มีโอกาสออกไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ในท้องถิ่นทุรกันดารต่อเมื่อเขาได้ลงพื้นที่ไปสัมผัสกับความเจ็บป่วยของชาวบ้าน ภาพเด็กน้อยที่แม้จะป่วยด้วยโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่เมื่อขาดโอกาสทางการรักษา ก็กลายเป็นคร่าชีวิตอย่างไม่ควรจะเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงคิดว่า หากรอสโมสรหรือหน่วยงานรัฐฯ คงไม่ทันการณ์ เขาจึงรวมกลุ่มผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ประกอบด้วยบุคลากร ทางการแพทย์ และบุคคลจากหลากหลายสาขาที่มีจิตอาสา เริ่มต้นออกหน่วยแพทย์ไปรักษาชาวบ้านใน ชนบทที่ห่างไกลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
 
      จากนั้นเขารวมกลุ่มกับเพื่อน 7 คน จัดตั้งขึ้นเป็น ‘สมาคมอาสาอนามัยชนบท’ ออกปฏิบัติงาน ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2522 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยความทุ่มเทแรงใจแรงกายอย่างเข้มข้นของเขากับผู้ ร่วมอุดมการณ์ แม้ตัวไม่ได้ไปก็ส่งปัจจัยไปช่วยสนับสนุน นับเป็นพลังให้การปฏิบัติงานในเที่ยวแรกประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย
 
      จากเที่ยวที่ 1 ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2522 จึงมีเที่ยวที่ 2 เที่ยวที่ 3 และเที่ยวต่อๆ ไปในทุกๆ เดือน จนกระทั่งวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2534 จากสมาคมก็ได้จดทะเบียนเป็น ‘มูลนิธิอาสาอนามัยชนบท’ อีก 2 ปีต่อมานับเป็นเกียรติและมงคลสูงสุดของมูลนิธิฯ เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ รับมูลนิธิฯเข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิฯรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านไม่เสื่อมคลาย
 
      ในวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2548 มูลนิธิฯ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นองค์กรหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ 582 ตามประกาศของกระทรวงการคลัง
 
      แม้วันนี้โลกจะก้าวเข้าสู่ยุค 5G หรือวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีทางการแพทย์จะล้ำสมัยไปพร้อมๆ กับเวลาของแพทย์จะมีค่ามากขึ้นเพียงไร แต่ชาวบ้านที่ยังขาดโอกาสในการรับบริการทางการแพทย์กลับไม่เคยลดจำนวนลง ดังนั้น มูลนิธิฯ จึงยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ในการออกหน่วยแพทย์อย่างมั่นคง อย่างน้อยก็เป็นอีกหนึ่งแรงที่ได้ช่วยแบ่งเบาภาครัฐไปได้ในเบื้องต้น
 
      จากวันนั้นจนถึงวันนี้เข้าสู่เที่ยวที่ 257 ปีที่ 47 โดยเปิดให้บริการดังนี้คือ ตรวจโรคทั่วไป ตรวจมะเร็งเต้านม แพทย์แผนไทย อบสมุนไพร ตรวจหากรุ๊ปเลือด และแจกแว่นสายตายาวให้กับผู้สูงอายุ เป็นที่น่าชื่น ใจว่า แม้จะเป็นมูลนิธิเล็กๆแต่ความร่วมมือร่วมใจของจิตอาสาในการเดินทางไปออกหน่วยแพทย์ในชนบทที่ห่างไกลอย่างเหนียวแน่นมาตลอด 47 ปี นั้น สามารถให้บริการผู้ป่วยเป็นจำนวนถึง 326,036 ราย
 
      แม้จะมีมรสุมเศรษฐกิจถาโถมเข้ามาเพียงไร แต่มูลนิธิฯ ก็ยังคงยืนยันจุดยืนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงคือ ‘ให้บริการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย’ สมดังคำขวัญของมูลนิธิฯ ที่ว่า...
 
We Care เราเห็นใจ